เรื่องของ #ต้อยติ่ง และครอบครัวของเธอครับ
เรื่องของ #ต้อยติ่ง และครอบครัวของเธอครับ เมื่อประมาณเกือบสิบปีก่อน มีแมวเพศเมียลายสลิดสีเทาตัวหนึ่ง เธอโดนคนพามาปล่อยและร่อนเร่มาจนถึงบริเวณบ้านพ่อทองมี และอาศัยโรงเก็บของเป็นที่หลบภัย บริเวณนั้นติดกับบ้านหลังที่คุณยายอยู่ (ครอบครัวพ่อทองมีมีบ้านปลูกใกล้กัน 2-3 หลัง) ทุก ๆ วันเธอก็จะออกมาขอข้าวขอน้ำกินและก็กลับไปนอนในโรงเก็บของอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ด้วยความเมตตา คุณยายจึงรับอุปการะพาเข้าบ้านและตั้งชื่อเธอว่า “ไมโล” ตามลักษณะของสีขนนั่นเอง ไมโลเป็นสาวสวย หนุ่ม ๆ ในบ้านของพ่อทองมีเวลานั้นก็คือ ลุงสุรโชค ลุงสุรชัย ลุงมะพร้าว และทองมี เมื่อทราบข่าว ทั้งสี่หนุ่มก็พากันไปแย่งจีบไมโล แต่ก็ดูสาวไมโลจะไม่ได้มีใจกับใครให้เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไมโลกลับตั้งท้อง พ่อเด็กในเวลานั้นที่โดนเพ่งเล็งมากที่สุดก็คือทองมี เนื่องจากฉลาด มีความเจ้าชู้ เจ้าคารม จึงคาดว่าจะเอาหัวใจของไมโลมาครอบครองได้ ในที่สุดโมโลที่ตั้งท้องก็คลอดลูกออกสามตัวด้วยกัน โดยหนึ่งตัวจากไปวันแรก เหลือรอดมาสอง โดยเพศผู้ตั้งชื่อว่า ทองมา เพศเมียตั้งชื่อว่า ทองม้วน เมื่อสังเกตลูก ๆ ของไมโลกลับสีคล้ายไมโลกับลุงมะพร้าว ไม่เหมือนทองมีเลย ซึ่งก็สร้างความสงสัยให้พ่อทองมี (คน) เองอยู่ไม่น้อย ไม่นานหลังจากไมโลให้กำเนิดลูกน้อย คุณยายจึงมาเล่าว่า พ่อของเด็ก ๆ ที่แท้จริงคือลุงมะพร้าว หนุ่ม ๆ ทั้งสี่มาจีบกันก็จริง แต่มีอยู่หนุ่มเดียวที่เอาใจใส่ มาคอยเฝ้าดูแลเช้าเย็นจนชนะใจไมโลได้คือลุงมะพร้าว ซึ่งก็น่าจะจริงครับ ไมโลจะดูวางใจและสนิทกับมะพร้าวมากกว่าหนุ่มที่เหลือ และในที่สุด พ่อทองมีจึงตั้งชื่อเด็กทั้งคู่ใหม่ตามคุณยายเรียก หนุ่มทองมาเปลี่ยนเป็น “ไอติม” ทองม้วนเปลี่ยนเป็น “ต้อยติ่ง” เด็กน้อยทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับแม่ไมโลในบ้านคุณยาย มีพ่อมะพร้าวที่แวะเวียนไปมาหาสู่อยู่เรื่อยมา จนเด็ก ๆ เริ่มโต ไอติมจึงย้ายบ้านตามมาอยู่กับพ่อมะพร้าวที่บ้านทองมีหลังนี้จนถึงปัจจุบัน ส่วนต้อยติ่งนั้นติดแม่ จึงอยู่กับแม่ไมโลเหมือนเดิมที่บ้านคุณยายนั่นเอง ครอบครัวของไมโล มะพร้าว ไอติม และต้อยติ่ง มีความสุขเรื่อยมา จนประมาณ 5 ปีที่แล้ว ลุงพร้าวก็ล้มป่วยและจากไป และไม่กี่เดือนจากนั้น แม่ไมโลก็จากไปอยู่กับลุงมะพร้าวอีก ไอติมยังคงใช้ชีวิตที่บ้านหลังใหม่เหมือนเดิมจนถึงปัจจุบัน ส่วนต้อยติ่งเธอยังผูกพันกับบ้านเกิดจึงอาศัยอยู่ที่เดิมเรื่อยมา ในระยะะหลัง คุณยายเริ่มสุขภาพไม่ดีด้วยอายุที่มากขึ้น น้องชายของพ่อทองมีอที่เคยช่วยดูแลแมวในบ้านคุณยายได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด ด้วยกลัวว่าต้อยติ่งจะไม่ได้รับการดูแลได้ดีเท่าที่ควร จากนั้นไม่นานพ่อทองมีจึงไปรับต้อยติ่งมาอยู่ด้วย ต้อยติ่งเองก็ยังคงผูกพันกับบ้านเก่าที่เคยมีแม่อยู่ ในทุก ๆ วัน จึงไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านคุณยายกับบ้านพ่อทองมีนั่นเอง ประมาณปีที่แล้ว พ่อทองมีเริ่มสังเกตต้อยติ่งหน้าบวมขึ้นมานิดหน่อย แต่เธอใช้ชีวิตปรกติดี คาดว่าเธออาจไปโดนอะไรจนอักเสบ หรืออาจทะเลาะหรือหยอกเล่นกับแมวอื่นในบ้านเข้า ไม่นานน่าจะหายเพราะไม่ได้มีรอยแผล แต่เวลาผ่านไปรอยบวมนั้นไม่ได้ยุบลงจนที่เป็นที่สังเกต พ่อทองมีจึงตัดสินใจพาหาหมอนั่นเองครับ ต้อยติ่งหาหมออยู่สองโรงพยาบาลคือที่ รพส. ม. เกษตรฯ กำแพงแสนและบางเขน หลังเข้ารักษาก็ตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเยื่อบุทางเดินหายใจ จุดปํญหาอยู่ที่หน้าผากใกล้ระบบประสาท สมองและอวัยวะสำคัญ มะเร็งลามเข้าจนถึงกระดูก การรักษามะเร็งวิธีต่าง ๆ ล้วนมีความเสี่ยงสูงมากทั้งหมด พ่อทองมีปรึกษากับหมออยู่หลายรอบถึงวิธีการรักษาที่น่าจะดีที่สุดซึ่งคือกินยา ตลอดเวลาต้อยติ่งอดทนและเข้มแข็งมาก ๆ เธอมีกำลังใจที่ดีจากพ่อทองมีและครอบครัวแมวในบ้าน พ่อทองมีนั้นก็เอาอกเอาใจดูแลเธอเป็นพิเศษ แม้เธอจะเจ็บปวดทรมานจากมะเร็งเพียงใด เธอก็ยังพยายามแสดงออกให้พ่อทองมีรู้ว่าเธอสบายดี พยายามใช้ชีวิตเป็นปรกติ การหาไปหาหมอ การผ่าตัด การฉีดยา การกินยา ต้อยติ่งให้ความร่วมมือโดยไม่มีการขัดขืน แต่มะเร็งก็คือฝันร้ายครับ นับแต่วันแรกทีรู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง พ่อทองมีบอกกับตัวเองว่าเราเฝ้าดูนาฬิกาทรายอยู่ เวลาของต้อยติ่งคือการนับถอยหลัง และในที่สุดตลอดหกเดือนกับการรักษา เที่ยงวันวันนี้ก็ถึงเวลาพ่อทองมีร้องไห้ไม่เป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ต้อยติ่งจากไปแล้วนั่นเองครับ … “ต้อยติ่งลูกรัก พ่อรักหนูมากนะลูก หนูจากไปพ่อก็ใจสลายอีกครั้ง นับจากนี้หนูก็ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอีกต่อไปแล้ว หนูกลับมาเป็นสาวน้อยคนสวย วิ่งเล่นกับพี่น้องครอบครัวเราบนนั้นให้สนุกนะ จดจำพ่อและทุกช่วงเวลาดีดีที่เราอยู่ด้วยกันตลอดไป พ่อเชื่อว่าสักวันเราทั้งหมดจะได้พบกัน” 30 พ.ค. 2024ดูโพสต์ในเฟซบุ๊ก
ไม่มีความคิดเห็น