วันนี้เล่ายาวหน่อยครับ แฟน ๆ สงสัย ทำอย่างไรให้แมวไม่ทะเลาะกัน

วันนี้เล่ายาวหน่อยครับ แฟน ๆ สงสัย ทำอย่างไรให้แมวไม่ทะเลาะกัน

วันนี้เล่ายาวหน่อยครับ แฟน ๆ สงสัย ทำอย่างไรให้แมวไม่ทะเลาะกัน พ่อทองมีขอเล่าแบบรวม ๆ ตามความเข้าใจและวิธีที่ตัวเองใช้นะครับ ไม่ใช่สูตรสำเร็จใดใด คือขอแยกเป็นสองส่วน คือ คนเลี้ยง และนิสัยแมวเอง อย่างแรก – คนเลี้ยง คนเลี้ยงแมว หรือหมาก็ตามนะครับ ต้องทำตัวเหมือนเป็นจ่าฝูงพวกเขา เป็น Alpha ของฝูง คือการเป็นผู้นำที่ดี ขอเรียกว่าต้องใช้ทั้งพระเดชกับพระคุณ หรือหยินกับหยาง หรือบู๊กับบุ๋น แบบที่คนชอบพูดกันนั่นแหละครับ # พระคุณ – ก็คือการแสดงความรัก การดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้พวกเขารับรู้ได้ คนกับสัตว์สื่อสารทางคำพูดไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารกันทางความรู้สึกได้ครับ พวกเขารับรู้ได้ว่าเรารักเขา ห่วงใยเขา รังเกียจ หรือเจตนาร้ายกับเขา เมื่อแมวมาอยู่ใหม่ – คนเลี้ยงต้องแสดงให้แมวใหม่เห็นว่าเราไว้ใจได้ มีความรักให้ คอยปกป้องดูแล ให้อาหาร ให้น้ำ พูดคุย อุ้ม กอด เช็ดตัว เล่นด้วย และอื่น ๆ อะไรก็ได้ครับ เพื่อทำให้เขาไว้เนื้อเชื่อใจโดยเร็ว ซึ่งหากเราไม่ได้มีรักมาจากใจที่แท้จริง รักแบบปลอม ๆ ฝืนแสดงออก ก็มักจะไม่ได้ผลนะครับ พวกเขารับรู้ได้จากความรู้สึก – ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องแสดงความรัก การเอาใจใส่แบบเดียวกันกับแมวที่มีอยู่มนบ้านด้วยนั่นเอง ทำย่างไรกับแมวใหม่ ก็ต้องทำกับแมวเก่าด้วย ให้อาหารก็ต้องให้ด้วย กอดแมวใหม่ ก็ต้องแบ่งเวลากอดแมวเก่าด้วย เป็นต้น ไม่เช่นนั้น แมวเก่าจะรับรู้ได้ว่า พวกเขากำลังกลายเป็นตัวสำรอง กำลังโดนแย่งความรักไป สิทธิ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาครอบครองกำลังจะลดลง ซึ่งก็จะกลายเป็นความอิจฉา ไม่ชอบหน้า เข้ากันไม่ได้ จนถึงขั้นทะเลาะกันในที่สุด # พระเดช – ก็คือการแสดงให้รู้ว่าเราคือผู้นำ พวกเขาต้องเกรงใจ โดยที่ไม่ได้ไปทำร้ายนะครับ อาจใช้วิธีการขู่ บ่น ทำเสียงดังให้น่ากลัว ใช้ไม้เคาะพื้นเคาะผนัง เป็นต้น เมื่อทำผิดร้ายแรงก็ต้องกล้าลงโทษ เช่นแมวโตไปไล่กัดแมวเล็ก เราต้องทำโทษ ต้องบ่น ขู่ อาจขังกรงชั่วคราว หรือแสดงออกอื่น ๆ ให้เขารับรู้ว่าทำผิด สรุปในส่วนของคนเลี้ยง คือเอาสองสิ่งนี้มารวมกัน จะใช้อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ จะใช้แต่พระเดชไล่ตีไล่ขู่ทำโทษ พวกเขาก็จะทั้งเกลียดและกลัว หากใช้แต่พระคุณคือ จะตามใจกันอย่างเดียว เราก็จะเป็นแค่มนุษย์ที่โดนแมวตก แมวจะไม่เชื่อฟัง โดนหลอกกิน โดนหลอกเลี้ยง มองเราเป็นทาสที่ไร้ค่า – แต่เมื่อสองสิ่งรวมกัน เขาจะรับรู้จากความรู้สึกว่า คนนี้ไว้เนื้อเชื่อใจได้ มีความรักและเอาใจใส่ให้ และต้องที่จะเกรงใจเขาด้วย เพราะเขามีพลังอันยิ่งใหญ่ อย่างที่สอง – นิสัยแมว ส่วนนี้คือนิสัยของแมวเอง แมวที่ไม่เกิดความเครียด จากจิตใจหรือปัญหาสุขภาพก็ตาม ไม่มีปม ไม่มีเรื่องเก็บกด ก็มักจะอารมณ์ดี นิสัยดี เป็นมิตรกับแมวอื่น ๆ (เป็นผลสืบเนื่องจากอย่างแรก คือคนเลี้ยงด้วยเหมือนกัน) เมื่อมีแมวมาอยู่ใหม่ พวกเขาก็มีกจะเข้ากันได้ง่าย แมวในวัยเด็ก มักเข้ากันง่ายกับแมวอื่นอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถวิ่งเล่นกันได้ แมวเด็กก็เหมือนคนในวัยเด็กนั้นเองครับ ไม่ต้องแนะนำ ปล่อยเด็กไว้ด้วยกัน แป๊ปเดียวก็สนิทกัน ส่วนแมวโต แมวโตนั้นก็เคยเป็นแมวเด็กมาก่อน แมวโตจะมีนิสัยแบบใดก็จะสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก อยากให้แมวโตนิสัยแบบใด การเลี้ยงดูบ่มสอนตั้งแต่เด็กจึงสำคัญ แมวโตใจดี ยกตัวอย่างในบ้านทองมีคือ ลุงเหลือง ลุงพร้าว ถั่วพู ไม่ว่าใครจะมาอยู่ใหม่ก็จะรักเขาไปหมด นิสัยส่วนตัวก็เรียบร้อยไม่ดื้อหรือเกเร เมื่อแมวเล็กมาอยู่ใหม่ แมวพวกนี้ก็จะต้อนรับและคอยดูแลอย่างดี คนเลี้ยงจึงไม่ต้องทำอะไรเลย แมวโตทั่วไป คือแมวที่ไม่สนใจอะไร แค่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบจุกจิก เมื่อแมวมาใหม่ก็ไม่สนใจ ไม่สุงสิง แต่ก็ไม่ได้ขู่หรือทำร้าย คนเลี้ยงก็แค่คอยดู ฝึกพามาให้อยู่ใกล้ชิดกันเรื่อย ๆ ตามสมควร เพื่อให้สนิทกันแค่นั้น แมวโตดุ คือแมวที่อาจจะดุมาจากสัญชาตญาณ จากสภาพจิตใจในอดีต การโดนทำร้าย หรือการเลี้ยงดูในบางกรณี แมวพวกนี้คนเลี้ยงจะต้องแยกออกจากแมวใหม่ก่อน เพราะเมื่อเผลออาจจะทำร้ายกัน ไล่กัด โดยเฉพาะแมวหนุ่มเต็มวัยด้วยกัน อาจสู้กันถึงตายได้เลย ในส่วนแมวดุนี้ เมื่อมีแมวเข้ามาอยู่ สิ่งที่คนเลี้ยงจะต้องทำและใช้ความอดทนด้วย ก็คือการฝึกฝน การละลายพฤติกรรมให้แมวทั้งสองฝ่ายเข้ากัน เริ่มจากแยกกันให้ห่าง ๆ ก่อนเพื่อไม่ให้ทะเลาะกัน และค่อย ๆ ขยับให้ใกล้ชิดกันเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น เริ่มแรกอยู่คนละห้องไม่ค่อยเจอกัน หลังจากนั้น ให้เจอหน้ากันบ่อย ๆ มาอยู่ห้องเดียวกันโดยคนเลี้ยงเฝ้าดูอยู่ หรือจากต้องกินอาหารคนละมุมบ้าน ก็ค่อย ๆ ขยับให้มากินใกล้ ๆ กันเรื่อย ๆ จนกระทั่งให้เดินเล่นใกล้ชิดโดยคนคอยเฝ้าดูอยู่ การละลายพฤติกรรมนี้ เนื่องจากเป้นแมวโตแล้วจึงใช้เวลา คนเลี้ยงต้องใจเย็น อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปีก็มี ส่วนสำคัญคนเลี้ยงต้องมีก็คือต้องสองสิ่งคู่กันที่อธิบายด้านบนด้วยนะครับ สรุปในส่วนของนิสัยแมว คือเราจะต้องรู้จักนิสัย มองนิสัยแมวให้ออก ค่อย ๆ ฝึกให้ปรับตัวเข้าหากัน โดยคนเลี้ยงมีสองสิ่งประกอบกัน ที่แมวจะรับรู้ได้ คือ ความรักและการดูแลเอาใจใส่ + ความเคารพเชื่อฟังที่แมวจะต้องมีให้ ตัวอย่าง ล่าสุดนะครับ เมื่อโนอามาอยู่ใหม่นั่นเอง โนอาเป็นเด็กใหม่ ถ้าพ่อทองมีพาเข้าบ้านเฉย ๆ แยกอยู่เด็ดขาด เธอก็จะไม่มีวันเข้ากับแมวอื่นในบ้านได้ เพราะเธอผ่านอะไรมากมาย มีความหวาดกลัว พ่อทองมีจึงใช้วิธีตามที่อธิบายด้าบนครับ พ่อทองมีแสดงความรักให้โนอาไว้วางใจเลย แม้เธอยังไม่ใจแมวด้วยกัน แต่เธอก็เชื่อใจพ่อทองมีได้ในเพียงสองวัน หลังจากพาเข้าห้อง ให้อยู่ห้องสาว ๆ (ห้องมะเหมี่ยว สมสวย โนอึล และพี่น้องสาว ๆ อื่น) ฝึกให้ใกล้ชิดกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน ตอนกินก็ให้กินใกล้ ๆ กัน ตอนนอนก็จับนอนใกล้โนอึล โดยพ่อทองมีนอนกอดทั้งคู่เพื่อให้เขาไม่ขู่กัน วันแรกก็ยังมองกันแปลก ๆ ทั้งหมด แต่ถึงวันนี้ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น มีท่าทางเริ่มจะพยามชักชวนกันเล่นแล้ว อีกไม่กี่วันก็คงดีดกันห้องกระจายครับ ขอบคุณครับ


ดูโพสต์ในเฟซบุ๊ก
ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น